top of page

ความว่างจากบริบทของความว่าง (PART 2)

ความว่างจากบริบทของความว่าง (PART 2) 

  "ฉันเองก็เคยเป็นคนที่ไม่มีคำตอบ เกี่ยวกับความหมายต่างๆ เลยในชีวิต" ยิ่งค้นหาก็รู้สึกว่า ชีวิตก็ยิ่งติดขัดงุนงง สับสนและกระสับกระส่ายกว่าเดิม และคำตอบก็ไม่ได้ แถมได้รับความกลุ้มใจมาแทนเพราะยิ่งมีความต้องการจะตามหาคำตอบมากเท่าไหร่ คำตอบมันก็จะวิ่งหนีตลอดเวลา

  คุณรู้ไหมว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณมาจากการตีความ ซึ่งการตีความเหล่านั้นมาจากอดีตและประสบการณ์ของเก่าในชีวิตคุณ และขอย้ำอีกครั้งว่า การตีความจากฉันก็เป็นแค่มุมมองหนึ่งเท่านั้นที่มาจากพื้นเพในชีวิตของฉันแต่เพียงผู้เดียว

ตอนเด็กๆฉันก็ไปวัดวาอาราม ซึ่งจะทำกันในหมู่ญาติพี่น้อง ฉันดำเนินชีวิตไปตามรอยของบุพการี ที่จัดสรรมันเอาไว้โดยยึดไว้ว่าการปฏิบัติตนในวัดต้องสุภาพนอบน้อมและสตรีห้ามโดนตัวพระ นั่นคือการไปวัดของฉันที่ทำตลอดมาจนโตขึ้นโดยไม่เคยเข้าใจว่าไปวัดทำไมแต่แค่รู้ว่าไปวัดแล้วรู้สึกดี สำหรับในมุมมองตอนเด็กๆของฉัน นอกจากไปวัดเพื่อทำบุญแล้ว ฉันยังชอบการไปอยู่แถวบริเวณโบสถ์ ในวัดแถวบ้านอีกด้วย ฉันรู้สึกแค่ว่า มันเป็นสิ่งที่สวยงาม สงบและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าโบสถ์สวยดีสงบดี พระองค์ใหญ่โตน่ามองแต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นใด และฉันก็ไม่ค่อยได้ขอพรพระด้วยซ้ำ และสมัยที่ฉันอายุ 4 ถึง 10 ขวบ ก็คลุกคลีไปเรื่อยๆเกี่ยวกับศาสนาใส่บาตรทุกวันตามที่บุพการีทำต่อต่อกันมาก็โตขึ้นมาหน่อยก็ห่างหายไปตามช่วงวัย แต่สิ่งที่ยังคงติดในใจฉันตลอดคือพ่อของฉันเป็นคนที่คลั่งไคล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าง มากและมีความอ่อนโยนอ่อนไหวในตัวเอง ซึ่งพ่อฉันก็สระว่ายทุกอย่าง ตั้งแต่ศาลเจ้าที่ขอนไม้รูปปั้นสัตว์แปลกประหลาดที่มีความพิการแต่กำเนิด เช่นเต่าที่มีกระดูกแปลกๆหรือจิ้งจกที่มีหางวางรูปผิดปกติ พ่อก็มักสักการะบูชามีอยู่วันหนึ่ง ลูกงูเห่าเข้ามาในบ้าน พ่อก็ไม่ตีมันแล้วก็ปล่อยให้มันไป พ่อพูดว่า งูก็อยู่ส่วนของมันเราไม่ทำอะไรมัน มันก็จะไม่ทำอะไรเรา ต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว ตอนนั้นฉันสงสัยแล้วรู้สึกมึนงงในมุมมองของพ่อ เพราะเรานี่ขี้สงสารขนาดนั้นเลยหรือ

แต่สิ่งที่สำคัญที่พ่อทำให้ฉันเห็นก็คือ การเป็นคนที่ให้ความเคารพกับทุกสิ่งในรูปแบบของพ่อเอง ซึ่งอาจจะจุดธูปบ้าง บูชาด้วยของอะไรต่างๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันอยากหาคำตอบ ฉันก็พลอยทำตามเขาไปด้วย แล้วก็อยากจะลองมองโลกในมุมมองของพ่อบ้าง แต่ฉันก็แค่ลองทำ แต่ไม่เคยเข้าใจและทำตามพ่อไม่ได้สนิทใจนัก เพราะฉันไม่สามารถไหว้เคารพสักการะทุกสิ่ง ด้วยใจจริงๆอย่างที่พ่อทำได้ หรือแม้กระทั่งตัวเองมีของขลัง ฉัน ก็ไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งนั้นน่ะ มีพลังอะไรสักอย่าง ที่เขาเคยบอกว่าจะทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น ฉันเองก็ใช้เวลานานในการทดสอบตัวเอง 20 กว่าปีได้ฉันลองทำให้ตัวเองเชื่อในหลายๆอย่างแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลนัก เพราะฉันไม่เคยเชื่ออะไรได้อย่างสนิทใจ

ชีวิตฉันได้ถล่ำลงไปไกล กว่าจะเข้าทางพระพุทธศาสนา และก็ได้สร้างกรรมทางวาจา โดยไม่ได้ตั้งใจ กรรมทางวาจาของฉัน ทำให้หลายคนเกิดความเสียใจ โดยที่ตัวฉันเอง ก็มีความรู้สึกหดหู่กับตัวเองพอสมควร และแล้ววันหนึ่ง ก็มีอุบัติเหตุไฟช๊อตครั้งนั้น เหมือนเป็นการตักเตือนฉัน เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว ก็มีอาการปากชา และเจ็บออดแอด มาตลอด จนทำให้ฉัน เริ่มศึกษาพระพุทธศาสนา เริ่มศึกษาวิธีการทำบุญ มากขึ้น จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมาหลายปี ทำให้ตัวฉันมองเห็นความงามที่แท้จริงของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า , เชื่อในพระพุทธเจ้าว่ามีอยู่จริง และได้มีโอกาสไปเรียน ครูสมาธิ ที่วัดธรรมมงคล จึงได้สัมผัสถึงพระอริยสงฆ์ ที่มีจริยวัตรที่งดงาม อย่างพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร รวมถึงมีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับพระธาตุ และพุทธประวัติ ก็ทำให้รู้สึกดีใจที่ได้เกิดเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง นี่เป็นเหตุ ให้ฉันมีความเชื่อในพระรัตนตรัย อย่างสุดหัวใจเป็นครั้งแรก


 ขออนุโมทนา กับท่านผู้อ่าน

ทรงรัตน์ บานเย็น

 
 
 

Recent Posts

See All
การปล่อยปลา

"การปล่อยปลาหรือสัตว์น้ำเพื่อสร้างบุญกุศล และเสริมดวงชะตาตามความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องปล่อยที่วัดเพียงอย่างเดียว...

 
 
 

Comments


© 2023 by The Artifact. Proudly created with Wix.com

bottom of page