เผชิญหน้ากับความไม่ชอบใจ
- songrad banyen
- Jun 11, 2018
- 1 min read
Updated: Jun 19, 2018
"เมื่อตอนฉันเด็กๆ ฉันไม่ชอบการไปโรงเรียน เพราะรู้สึกว่ามีกฎเกณฑ์ แถมการต้องไปอยู่กับคนหมู่มาก ทั้งครูก็ต้องให้ออกมาหน้าห้องมาทำอะไรที่ดูอึดอัด ในช่วงชีวิตประถมของฉันได้พยายามหาเทคนิคในการไปโรงเรียนแต่ไม่เรียนหนังสือ โดยไม่ต้องมีเพื่อนร่วมกระบวนการแต่อย่างใด และยิ่งการทำการบ้านแล้วหล่ะก็ เป็นเรื่องสยองขวัญอย่างหนึ่งของฉันเลย และก็มีเหตุผลขั้นเทพ ที่จะหลีกเลี่ยง
ก่อนอื่น ต้องออกตัวเลยว่า ฉันไม่เคยส่งฉันใช้เวลาในการทำการบ้านของตัวเองเลย แต่ไปรับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน อาจเรียกได้ว่าเป็นความโชคดีที่ฉันได้เรียนโรงเรียนเอกชนแล้วมีลูกคนมีเงินเยอะทำให้ฉัน หาเงินมากกว่าค่าขนมที่ได้จากที่บ้านของตัวเอง 3 เท่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโดนตีที่ไม่ได้ทำการบ้านของตัวเอง หรือไม่ก็ใช้ทักษะเฉพาะตัวในการที่ไม่ให้โดนตี ซึ่งนึกไปก็สนุกดีนะในชีวิตช่วงนั้น จะบอก ตรงๆว่ากว่าจะรู้สึกอยากไปโรงเรียนเข้าจริงๆก็ตอนประถม 6 นั่นแหละ ดังนั้นส่วนตัวจึงมีประสบการณ์ในการหลบหลีกการโดนทำโทษรวมแล้วประมาณ 7 ปี ซึ่งค่อนข้างนานทีเดียว พอมารู้ตัวอีกที ก็เข้ามัธยมได้หรือไม่ต้องสอบอีก ทุกอย่างเกิดมาจากดวงล้วน ๆ คือโรงเรียนประจำจังหวัดสมัยก่อนเขาจะมีการให้เด็กในเขตตัวจังหวัดได้มีสิทธิ์เข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ โดยปกติแต่เด็กนอกเขตจังหวัดอย่างฉัน ก็ต้องทำการสอบเพื่อคัดเลือกอีกทีนึงและสามารถดูผลสอบได้ในวันนั้นได้เลย แต่ด้วยความบังเอิญฉันถูกเหมาเข้าไปเป็นเด็กที่ไม่ต้องเข้าสอบไปด้วยโดยปริยายด้วยความบังเอิญ เพราะเข้ามัธยมได้ก็พยายามหาทางโดดเรียนอยู่เหมือนกันแต่ก็ ทำยากกว่าประถมก็เลยไม่ได้โดดเรียนและทำการบ้านตามที่อาจารย์สั่ง จนกลายเป็นว่าเกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นคือตัวฉันสอบได้ที่ 1 จากนักเรียนทั้งหมด 40 กว่าคน ก็เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าจริงๆแล้วตัวเองก็มีความสามารถเหมือนกัน " แต่ที่เล่าให้ฟังคือเป็นเรื่องตลกที่คนเรามักจะหาข้ออ้างหรือหาวิธีการในการหลบหลีกปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นใคร!! ทำให้นึกถึง หนังเรื่อง Fight Club มีอยู่ตอนหนึ่งที่แบทพิท ซึ่งรับบทเป็นตัวเด่นในเรื่องนั้น ได้มอบหมายการบ้านให้สมาชิกในชมรม คือ "ให้ไปหาเรื่องใครก็ได้ที่ได้พบเจอ พยายามมีปากเสียงถึงขั้นชกต่อยกันและทำตัวเองให้เป็นผู้แพ้" ที่นี้คนในคลับก็ออกไปหาเรื่องคนทั่วไปแต่ส่วนใหญ่คนอื่นก็มักจะหลีกหนีไม่อยากมีเรื่องด้วย บ้างก็เดินหลีกไปเวลามีคนมาหาเรื่อง บ้างก็เดินเข้าไปเตือนว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะ บ้างก็ทำเป็นนิ่งไม่รู้ไม่ชี้เหมือนคนที่ไปหาเรื่องนั้นไม่มีตัวตน มีน้อยมากที่จะเดินเข้าไปปะทะกับตัวคนที่มาหาเรื่องกับเราแบบจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือฉัน เมื่อเจอคนมาหาเรื่อง ก็จะหาทางหลบหลีกปัญหาหรือพยายามไม่หาเรื่องใส่ตัว เพราะคนส่วนมากหลีกหนีการเผชิญหน้า เมื่อปัญหามาถึงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาง่ายๆ หรือปัญหาที่ยาก เช่น
- เมื่อคุณเจอคนที่ไม่ชอบความรู้สึกภายในของคุณจะรู้จะถูกกดไว้เพราะจริงๆคุณอยากจะสอยหน้าสักทีเวลาเขาพูดกวนๆและพยายามสร้างตัวตนอีกอย่างขึ้นมาเพื่อให้โลกมองว่าคุณนี่ดีจังเลยเป็นผู้ใหญ่สุดๆมองเห็นอะไรไหมคุณกำลังหนีอยู่
จริงๆแล้ว สิ่งที่เราทุกคนควรทำ คือไม่ต้องหนี และมองอย่างเข้าใจ คล้ายๆ กับตอนที่นั่งสมาธิ เราจะเจอความรู้สึกฟุ้งซ่าน และคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาก่อกวนเรา สิ่งที่ฉันจะบอกคุณคือ
"จงตามรู้ตัว จงรู้ตัวว่าเมื่อไหร่โกรธ จงรู้ตัวว่าเมื่อไหร่ฟุ้งซ่าน จงรู้ตัวว่าเมื่อไหร่ทุกข์ เมื่อรู้ตัวแล้วอย่ากดมันไว้ พิจารณาด้วยสติ ดำเนินชีวิตด้วยศีล ชีวิตจะไม่วิบัติ เช่นในตอนนี้เรากำลังโกรธอยู่นะ อยากสอยหน้าผู้ชายคนนี้เหลือเกิน และลองคิดพิจารณาว่า ถ้าต่อยไปจะเกิดอะไรขึ้นตามมา แล้วคนที่ได้ผลกระทบมากที่สุด ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามนะ แต่เป็นเราเองทั้งนั้น ... ขอฝากไว้ "

ทรงรัตน์ บานเย็น







Comments