เสียงที่ควรฟัง
- songrad banyen
- Jun 11, 2018
- 1 min read
ฉันตื่นขึ้นมาในคืนวันหนึ่ง เลยตัดสินใจเขียนอะไรเล่นๆ ซักหน่อย พวกคุณก็พอจะรู้บ้างแล้วว่า "วันแต่ละวันมันหมุนไปอย่างรวดเร็ว" แม้เรามีเวลาที่เท่ากัน คือมี 24 ชั่วโมงต่อวัน เท่ากันทุกคน แต่การใช้ประโยชน์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวคุณเองรวมแม้กระทั่งตัวฉันก็มีคนในครอบครัว ที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน ส่วนมากมักจะหน้าตาเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นสามี,ภรรยา,ลูก,รวมถึงพ่อแม่ของเราเอง แต่ถ้าคุณลองได้มองพวกเขาอย่างจริงจังก็จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นอยู่เสมอๆ
สำหรับฉันแล้วคืนนี้ฉันตื่นขึ้นมาแล้วก็มองไปที่หน้าสามีที่นอนอยู่ข้างๆกันซึ่งเราแต่งงานกันเกือบ 15 ปีความร่วงโรยของเขาก็เพิ่มขึ้นทุกๆวัน และมองที่เตียงนอนของลูกสาวที่นอนอยู่ไม่ห่างกัน ฉันพาตัวเองมานั่งจ้องมองพวกเขาขณะที่กำลังหลับ ความรู้สึก เหมือนมันเกิดขึ้นเมื่อวาน เหมือนวันที่ฉันได้เห็นลูกเป็นครั้งแรก แต่ความเป็นจริงตอนนี้ลูกสาวของฉันแตกต่างกันกับเมื่อสี่ปีก่อน อย่างมหาศาล เพราะเธอโตขึ้นมากขณะนี้เธออายุประมาณ 4 ขวบกว่าแล้ว และในขณะที่ฉันกำลังมองทุกอย่างอยู่ในตอนนี้ ฉันเองก็มีบางเซลล์ที่ร่วงโรยไปเช่นกัน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ว่าแต่มีอะไรบ้าง ที่เราละเลยไปบ้างนะ คุณลองมาคิดเล่น ๆ ถ้าคุณนั่งมอเตอร์ไซต์เร็วๆ คุณก็จะได้ยินเสียงลมเมื่อมันมากระทบที่ใบหูของเรา แต่มีเสียงอีกมากมายที่เราได้ยินอยู่ตลอดเวลา ทั้งเสียที่เกิดจากภายนอก หรือเสียงที่เกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง (หรือเรียกอีกอย่างว่าเสียง"คิดในใจ") คุณจำตอนเด็กๆ ได้มั้ย ที่ครูของเรามักจะสอนให้เราคิดคณิตศาสตร์ในใจ อ่านหนังสือในใจจะได้ไม่ต้องส่งเสียงเพื่อรบกวนผู้อื่น นั่นแหละกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดที่อยู่ในใจเราตั้งแต่แรกๆ หลังจากนั้นเมื่อเราโตขึ้นก็เริ่มมีจินตนาการแล้วก็เริ่มคิดในใจเป็นภาพทำให้เรารู้สึกสมจริงมากขึ้น เช่นอาจจะมองภาพให้เห็นชัดว่าถ้าฉันทำอย่างนี้จะเกิดเป็นอย่างนั้นหรือยังไงกันแน่ถึงจะดี เป็นต้น มันทำให้เรามีตัวเลือกในใจมากขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและเพื่อไม่ให้ตัวเองทำอะไรที่ผิดพลาดโดยการคิดคำนวณทุกอย่างภายในใจในหัวเราก่อนที่จะลงมือกระทำจริงๆ ก็อาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการวางแผน มนุษย์เรามีการวางแผนเพราะว่าเรามีวิวัฒนาการมาจากในยุคหินแม้ในยุคหินเองเราก็มีการวางแผนเช่นกันในการออกไปล่าสัตว์แล้วก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่างเพื่อใช้ในการเตรียมตัวเพื่อออกไปล่า ทั้งเราต้องพิจารณาทิศทางลม แม้ต้องพิจารณาสภาพอากาศ พิจารณาเตรียมเครื่องมือในการกระทำบางอย่างและการไม่กระทำบางอย่าง เพราะสมองของเรามีระบบความคิดเพื่อป้องกันความผิดพลาดอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนั่นจึงทำให้การคิดในใจมีผลกับเราอย่างมหาศาล แต่มีการคิดในใจอยู่หลากหลายประเภท แต่ประเภทหนึ่งของการคิดในใจก็คือการคิดโดยไม่ทำอะไร บางคนก็คิดในใจแบบฟุ้งซ่านเรื่อยๆในหัวของเขา จนจบและได้ผลสรุปสั้นๆแต่สิ่งที่กระทำออกไปจริงๆนั่นก็คือไม่ได้ทำอะไรเลย(เพราะเอาแต่คิดอย่างเดียว) เราคิดในหัวหลายๆอย่างและก็จบบทสนทนาในสถานการณ์นั้นๆ โดยการลงมือทำจริงๆคือเท่ากับ 0 คือไม่ได้ลงมือทำอะไร ถ้ามีคนอื่นมาถามเราว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงไม่ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็จะตอบโดยเอาจินตนาการที่เราคิดเลยเถิดไปนั้นนั้น มาตอบคนอื่นโดยที่มันอยู่แค่ในจินตนาการเท่านั้น มันไม่ใช่ในความเป็นจริง เราอาจจะอ้างเหตุผลข้างๆคูๆว่าจินตนาการเหล่านั้นมาจากประสบการณ์มาจากความเชื่อมาจากสภาพแวดล้อมบ้างและมุมมองต่างๆซึ่งมันก็จะเกิดผลดีบ้างแล้วก็เกิดผลเสียบ้างได้ด้วยเช่นกัน

ทรงรัตน์ บานเย็น







Comments