top of page

เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก


ree

เคยอ่านคำสอนของหลวงปู่เสาร์กันตสีโล เกี่ยวกับมุมมองของการเกิดมนุษย์โดยกล่าวไว้ว่า

การพบพระพุทธศาสนาเมื่อ เราเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็แสนยากแต่การเป็นมนุษย์ที่มาพบพระพุทธศาสนานั้นยากกว่า

เราต้องมีความเป็นธรรมของมนุษย์อยู่ก่อน ที่เราจะเกิดเป็นมนุษย์อยู่นี่ มีอยู่ 2 อย่างนั่นก็คือ

- เราต้องเคยรักษาศีล 5 มาก่อน

- เราต้องเคยปฏิบัติกุศลกรรมบถ 10 มาก่อน


และแม้การเกิดเป็นมนุษย์แล้วเนี่ยเราก็มีความยากมีความอันตรายแก่ชีวิตเพราะต้องเจอทั้งอุปสรรคภายในตัวเราเอง เพราะจิตใจเราต้องต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในนั้นก็คือ "กิเลสตัณหา" รัก,โลภ,โกรธ,หลงซึ่งปรุงแต่งภายในใจของตน นอกจากนั้นแล้วเราต้องฝ่าฟัน อุปสรรคภายนอก แม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกัน การฟาดฟันกันเพื่อให้ได้บางอย่างหรือการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยความกดดันทางภายนอกที่เรามีความกระทบทั้งภายในกายและภายนอกกาย ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงไม่ได้และก็ต้องแสดงออก ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งก็เป็นการยากที่จะเข้าถึงธรรมและวางตัวเป็นกลางอย่างแท้จริง มนุษย์ส่วนใหญ่เมื่อเกิดมาแล้ว และก็มีหน้าที่ที่ตัวเองจะต้องดำเนินกิจ ไม่ว่าจะเป็นการงานการทำมาหากินเพื่อมีรายได้การกระทำการบางอย่างเพื่อให้ผลประสบความสำเร็จให้ผลให้น่าพึงพอใจแก่ตนและครอบครัวส่วนมากจะเป็นการเสริมสร้างความมีกิเลสตัณหาเพิ่มพูนมากขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างกันก็คือสติปัญญาในการฟังธรรม การที่เราเกิดมานั้นได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง เพราะไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาอุบัติได้โดยง่ายการได้ฟังธรรมจากพระอริยสงฆ์ผู้เป็นสุปฏิปันโนหรือพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้นก็เป็นบุญอย่างยิ่งสำหรับพวกเราไปที่ความเป็นคนรุ่นใหม่และมีอยู่ในโลกศิวิไลซ์ เพราะมีเทคโนโลยีและสิ่งต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การฟังธรรมและการเข้าสู่ธรรมะหรือธรรมะชาติ นั้นก็ลดถอยลงไปด้วย ความที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วไปหมด ทำให้สติและความระลึกได้ของแต่ละคนนั้นลดถอยลงตามลำดับ

เหตุไรหนอเราจึงจะสามารถอยู่และใช้ความเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานั้น ได้อย่างเต็มที่ไม่เสียดายที่ได้เกิดมา เพราะไม่แน่ว่า ถ้าเราทำชั่วหรือกระทำความ ผิดไปได้โดยที่ตนรู้ก็ดีไม่รู้ก็ดีนั้น ทำให้ตัวเราเองได้ตกไปในภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ และถ้าเกิดไปในสถานที่ที่ไม่มีพระพุทธศาสนาอีกทำให้เราไม่มีปัญญาพัฒนาตนเองเป็นไปได้ว่าจิตใจเราก็จะต่ำลงเรื่อยๆดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราจะใช้ประโยชน์จากการที่ได้พบพุทธศาสนาศึกษาหลักธรรมคำสอนและปฏิบัติตนให้เป็นใครๆเดิมคือ

1 รักษาศีล 5


ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

อทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ


อิมานิ ปัญจะ สิกขาปทานิ

สีเลนะ สุคติง ยันติ (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ถึงความสุข)

สีเลนะ โภคะสัมปะทา (ศีล นั้นจักเป็นเหตุให้ได้มาซึ่ง โภคทรัพย์)

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ (และศีลนั้นยัง จะเป็นเหตุให้ได้ไปถึง นิพพาน คือความดับเย็นจากกิเลส เครื่องเศร้าหมอง ทั้งปวง)

ตัสสมา สีลัง วิโสธะเย (ศีล จึงเป็นสิ่งที่วิเศษนักที่เธอทั้งหลายพึงยึดถือเป็นหลัก ประจำชีวิต ประจำจิตใจ ปฏิบัติ ให้ได้ ดังนี้ แล)


2 ปฏิบัติตามกุศลกรรมบถ 10 นั่นก็คือ.......

- ประพฤติดีด้วยกาย 3 ประเภท

ประพฤติดีด้วยกาย นั้นชื่อว่า กายกรรม คือ ทำกิจการงานด้วยกายอย่าให้ทุกข์เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น กายกรรมที่ให้เกิดทุกข์แก่ผู้อื่นนั้น มี 3 ประการ

1.คือ อย่าเบียดเบียนร่างกายของท่าน คือ อย่าฆ่า อย่าฟัน อย่าทุบ อย่าตี ร่างกายของท่านผู้อื่นโดยที่สุด เว้นถึงสัตว์ติรัจฉานได้ยิ่งเป็นการดี ตรงภาษาบาลีที่ว่า ปาณาติปาตาเวรมณี ฯ

2.คือ อย่าเบียดเบียนทรัพย์สมบัติข้าวของของท่านผู้อื่น คืออย่าลักขโมย อย่าฉ้อโกง อย่าเบียดบังเอาข้าวของของท่านผู้อื่น ตรงภาษาบาลที่ว่า อทินฺนาทานาเวรมณี ฯ

3.คือ อย่าแย่งชิงลักลอบด้วยอำนาจของกายในหญิงที่ท่านหวงห้าม ตรงภาษาบาลีที่ว่า กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณีฯ


- ประพฤติดีด้วยวาจา 4 ประเภท (วจีกรรม 4 ประเภท) นั้นได้แก่

4.คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่สัตย์ที่จริง ให้เว้นจากวาจาที่เท็จไม่จริงเสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า มุสาวาทา เวรมณี ฯ

5.คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันสมานประสานสามัคคีให้ท่านดีต่อกัน ให้เว้นวาจาส่อเสียดยุยงเสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า ปิสุณายาวาจา เวรมณีฯ

6.คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันอ่อนโยน ให้เกิดความยินดีแก่ผู้ฟัง ให้งดเว้นวาจาที่หยาบคายขึ้นกูขึ้นมึง บริภาษตัดพ้อหยาบคาย ให้ผู้ฟังได้รับความเดือดร้อนต่างๆ เสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า ผรุสฺสาย วาจาย เวรมณี ฯ

7. คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่เป็นไปกับด้วยประโยชน์ ให้เว้นวาจาที่เหลวไหล คือพูดเล่นหาประโยชน์มิได้เสีย ตรงกับภาษาลีที่ว่า สมฺผปฺปลาปาวาจายเวรมณี ฯ


- ประพฤติดีด้วยใจ 3 ประเภท (มโนกรรม 3 ประเภท) นั้นคือ

8.คือ ให้ระวังเจตนากรรม ให้สัมประยุตต์ด้วยเมตตาอยู่เสมอ คือ ความดำริของใจ อย่าให้ลุอำนาจแห่งโลภะ คืออย่าเพ่งเอากิเลสกามและวัตถุกามของท่านผู้อื่น ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า อนภิชฺฌา โหติฯ

9.คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์ด้วยกรุณาอยู่ทุกเมื่อ อย่าให้โทสะ พยาบาท เข้าครอบงำได้ ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า อพฺพยาปาโท โหติฯ

10.คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์ด้วย มุทิตา อุเบกขา อยู่ทุกเมื่อ อย่าให้ไหลไปในทางผิด ให้เห็นตรงตามคลองธรรมทั้ง 10 นี้อยู่ทุกเมื่อ ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า สมฺมทิฎฺฐิโก โหติฯ


เพื่ออย่างน้อยจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เลยแม้บางคนไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เราเองก็จะได้ทำสิ่งที่ดีต่อสังคมในชาตินี้เดี๋ยวนี้

เขาว่าเป็นมนุษย์จริงแท้แสนลำบาก ต้องเหนื่อย-ยากตรากตรำ และจำอด เพื่อหาเงินตรามาใช้ชด จะได้หมดความยากแค้นและทุกข์ใจ พยายามหาทางดิ้นรน ให้ได้เหตุ เพื่อตอบเจตจำนงแต่หนไหน ขอความร่ำรวยเงินทองสนองใจ ทุกข์ยากไซร้จะไม่เห็น ถ้ามีเงิน แต่ความจริงเป็นมนุษย์แสนพิเศษ มีกายเป็นเหตุทำความดีไม่มีหมด เงินทองมีเท่าไหร่ก็ใช้ชด สนองหมดตัณหา ความชอบใจ แต่จริงๆเราเกิดเป็นมนุษย์แสนวิเศษ ภพอื่นยังทำบุญลำบาก กว่าจะได้ แต่เรามีการกระทำนำพาใจ ให้เราได้สร้างผลดี อยู่กับตน อย่าพยายามดิ้นหาแต่เงินตรา จงนำพาชีวิตให้มีธรรม ประกอบกิจเป็นมนุษย์เพื่อหนุนนำ เพื่อนำธรรมแผ่ขยาย เจริญใจ

น่าเสียดายถ้าตั้งเป้าเพื่อหาเงิน เพื่อดำเนินหาลาภยศ ให้พร้อมพรรค แต่ มียศ-มีเงิน ก็ต้องหัก พอตายปั๊บ เงิน-ยศ เราไม่ตามไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเงาตามตัว คือดี-ชั่วนำพา เราไปไกล ไม่ว่าเราคุณจะอยู่ภพภูมิไหน ดีชั่วพาเราไปตามต้องการ.


ทรงรัตน์ บานเย็น

 
 
 

Recent Posts

See All
การปล่อยปลา

"การปล่อยปลาหรือสัตว์น้ำเพื่อสร้างบุญกุศล และเสริมดวงชะตาตามความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องปล่อยที่วัดเพียงอย่างเดียว...

 
 
 

Comments


© 2023 by The Artifact. Proudly created with Wix.com

bottom of page